วันนี้เป็นวันที่ได้ตื่นสายหน่อย หลังจากเหน็ดเหนื่อยนอนดึกตื่นเช้ามาหลายวัน วันนี้เราเริ่มอาหารเช้ากันที่ร้านที่ชื่อว่าร้านอินโดจีน คิดว่าเป็นร้านอาหารที่ขายชาวต่างชาติโดยเฉพาะ เพราะอาหารมีหลายอย่างที่เป็นอาหารฝรั่ง อาทิเช่น เสต็ก แพนเคก สลัดผัก ซุปเห็ด ข้าวจี่ที่มีหลายไส้ รวมทั้งไส้ตับบด  ราคาอาหารค่อยข้างสูง  สำหรับมื้อนี้เราขอรองเสต็กน้องกวาง หรือบ้านเราเรียกว่าเก้งนั่นเอง  เนื้อของน้องกวางมีกลิ่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับสาบ มีความนุ่มไม่เหนียวและไม่มีไขมัน เสริฟมาพร้อมกับเฟรนช์ฟราย  รสชาดของเสตกพอใช้ได้  แต่เฟรนช์ฟรายนั้นขอบอกว่าไม่ได้เรื่องจริงๆ  ส่วนข้าวจี่ไส้ตับบด ไม่รู้เหมือนกันว่าตับอะไร รสชาดดีเยี่ยม  ซุปเห็ดจะเป็นซุปกึ่งข้น คือไม่เหนียวข้นมาก โดยจะใส่ขนมปังที่เหมือนขนมปังกะโหลกบ้านเรามาด้วย  พร้อมกับพริกไทยเม็ดตำ รสชาดดี ส่วนแพนเคก จะใหญ่มากเป็นพิเศษ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุต แต่บาง ใส่ไส้กล้วยหั่นเป็นชิ้นๆ โรยด้วยน้ำเชื่อม รสชาดจะออกหวานมาก  สลัดผักราดด้วยซอสครีมที่ไม่ข้น รสชาดดีเช่นกัน

                             หลังจากอิ่มกันเป็นที่เรียบร้อย การเดินก็เริ่มขึ้น โดยวันนี้เรามีโปรแกรมที่จะไปบ้านผานม ซึ่งมีชื่อเสียเรื่องทอผ้ามานาน  กลุ่มแม่บ้านจะมารวมตัวกันหลายสิบคน พอเริ่มก้าวเข้าไปเรือนหลังย่อม แม่ค้าก็คลี่ผ้าให้ดู ชักชวนให้ซื้อ ผืนแล้วผืนเล่า ร้านแล้วร้านเล่า ดูแล้วลายตาไปหมด ซึ่งเราเองก็ดูไม่เป็น เลยมาสดุดกับไม้แกะสลักเป็นรูปวัดเชียงทอง สนนราคาที่ 350 บาท แม่ค้าใจดีลดให้ตั้ง 50 บาท เหลือ 300 บาท แต่มารู้ที่หลังว่าต่อได้มากกว่านั้นเพราะเห็นอีกคนซื้อ ช้างไม้แกะสลักสูงประมาณ 8 นิ้วสนนราคาคู่ละ 1200 ต่อไปต่อมาลดเหลือเพียง 800 บาท นึ่กแล้วยังเสียดาย

                           

                             หลังจากพวกผู้หญิงได้ผ้าติดไม้ติดมือคนละชิ้นสองชิ้น การเดินทางก็เริ่มต่อไป จุดหมายก็คือ่น้ำตกกวางสี หรือ ตาดกวางสี  รถไม่สามารถเช้าไปถึงหน้าน้ำตกได้ จากบริเวณลานจอดรถต้องเดินไปอีกเล็กน้อย โดยสองข้างทางเป็นที่ขายอาหาร และของจักรสานเล็กๆ   ตัวน้ำตกกวางสีจะมีความสูงประมาณ 30 เมตร เป็นน้ำตกชั้นเดียว เป็นหินปูน น้ำไม่มากนัก ทำให้กระแสน้ำแรงปานกลาง ด้านหน้าเป็นแอ่งน้ำ สามารถลงเล่นน้ำได้ ถัดออกมาจากแอ่งเล็กน้อย จะมีกองของหินปูนที่เกิดจากน้ำตกถล่มเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทางด้านข้างเป็นทางเดินขึ้นไปด้านบน ซึ่งสามารถเดินขึ้นไปยังแหล่ง ตาน้ำได้ซึ่งไม่ไกลและไม่สูงมากนัก  ซึ่งหลายคนบอกว่าสวยกว่าข้างล่างมาก น่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง เพราะไม่ได้ขึ้น

  

                                 หลังจากชมความงามของน้ำตก หลายคนอยากสัมผัสกับวิถีชีวิตชาวบ้านกันบ้าง เราจึงมุ่งตรงไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างทางกลับที่พัก  ชาวบ้านส่วนใหญ่ใน หมู่บ้านนี้อยู่กับอย่างเรียบง่าย เด็กๆวิ่งกันเต็มหมู่บ้านไปหมด  แม่เฒ่าจะรวบผมเรียบเกล้ามวยผม  ลักษณะของบ้านส่วนใหญ่เป็นบ้านไม้ยกสูง มีใต้ถุน ตัวเสาบ้านทุกเสาจะถูกวางอยู่ บนก้อนหิน ซึ่งสอบถามได้ความว่าเป็นมาแต่โบราณ เพื่อเป็นการป้องกันปลวกกัดกินเสานั่นเอง  บริเวณจั่วหน้าบ้านจะเป็นปูน เจาะรูกลมๆ และมีการเขียนปี ที่บ้านหลังนั้น ถูกสร้างขึ้นไว้ด้วย

 

       

                                   

                        ออกจากหมู่บ้านก็เหลือเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อที่จะไปให้ทันดูพระอาทิตย์ตกที่บริเวณวัดที่อยู่ตรงข้ามกับที่พัก แต่เราก็ขอแวะสะพานศรีสว่างวงศ์ก่อน ลักษณะเป็นสะพาน เหล็กเก่าๆ กว้างประมาณถนนสองเลน แต่รถใหญ่ไม่สามารถวิ่งข้ามได้เนื่องจากทรุดโทรมพอควร วิ่งได้เพียงรถสามล้อ จักรยาน มอเตอร์ไซด์ ด้านข้างทั้งสองข้างของสะพานเป็น ทางสำหรับเดินเท้าซึ่งปูด้วยไม้ตีตะปู บางแผ่นก็ชำรุด ดังนั้นต้องระมัดระวังพอควรเวลาเดิน เพราะดีไม่ดีมีสิทธิ์ตกลงไปได้   

                       จากนั้นต้องรีบไปที่วัดบริเวณฝั่งตรงข้ามที่พัก ริมแม่น้ำคาน บริเวณวัดจะมีเจดีย์สีทองอร่ามตั้งอยู่ เวลาที่เราไปตอนนั้นเป็นเวลาที่ใกล้กับพระอาทิตย์ตกพอดี ตัวโบสถ์จะกลายเป็นสีทองเหลืองอร่ามดูเป็นสีเดียวกับเจดีย์  สวยงามจับตาน่าชมทีเดียว 

                                

 

                       ก่อนอำลาหลวงพะบาง เราโชคดีที่ได้ดูการแสดง การร้องรำทำเพลง และวัฒนธรรมจากเด็กๆ  ที่ร้าน Mixayphon  ตามปรกติแล้วต้องจ้างเป็นพิเศษ แต่มื้อนี้โต๊ะข้างๆ ซึ่งเป็นชาวเบลเยี่ยมว่าจ้างไว้แล้ว เราจึงได้ประโยชน์ไปด้วย เด็กๆร้องเพลงได้ไพเราะจริงๆ โดยเฉพาะเพลงดวงจำปา ถูกใจพวกเราหลายคน อาหารมื้อนี้จึงได้อรรถรสที่สุด และทำให้นอนหลับฝันดี .......................ม้วนหลายเด้อ ...............หลวงพะบาง

                       

 

                                                                                                                 

ภาพถ่าย....ความทรงจำ....หลวงพะบาง

                                   

Mail to :  Web Master